คนทำงานเงินเดือนประจำดีกว่าคนค้าขายจริงหรือไม่

หลายคนที่ทำงานประจำก็บอกว่าอยากจะออกไปทำการค้าการขาย แล้วคนที่ทำการค้าการขายก็อยากจะมาทำงานประจำสรุปแล้วแบบไหนที่ดีกว่ากัน และแบบไหนที่จะมีความสุขได้มากกว่ากัน เพราะคนที่ทำงานประจำบอกว่าค้าขายดีกว่า แต่คนที่ค้าขายก็บอกว่าทำงานประจำดีกว่า แบบไหนกันแน่จะว่าไปแล้วจริงๆ การค้าขายนั้นก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ก็ต้องทำงานที่หนักกว่าการทำงานประจำเป็นที่สุด การค้าขายนั้น ต้องบอกว่าเหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าเป็นธุรกิจใหม่ไม่ได้มาจากการทำธุรกิจต่อเนื่องจากครอบครัว ก็จะต้องเหมือนกับการเสี่ยงโชค เพราะไม่รู้เลยว่าการค้าขายของเรานั้นจะเติมโตหรือก้าวหน้าแบบที่วางแผนไว้ได้หรือไม่ บางคนที่มีสายป่านยาวแล้วทำการสู้มาตลอดระยะการเดินทาง อาจจะใช้เวลา 2-3 ปีเผื่อที่จะเดินทางให้ถึงกับเป้าหมายระยะสั้นที่ตั้งไว้ หรือบางคนก็ตั้งเป้าหมายที่สูงเสียดฟ้าเพราะคิดว่าเรานั้นทำได้แน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไปตามฝันกันทุกราย ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าทุนน้อยคิดว่าจะทำให้พอกิน แบบนี้ตอบได้ทันทีเลย “ผิด” คุณเดินทางมาผิดแล้ว เพราะคิดว่าแค่พอกิน แต่อย่าลืมว่าความคิดแบบนี้ใครๆก็คิดกัน ทำแค่พอกิน ทำวันนี้ได้วันนี้ พรุ่งนี้ไม่ทำไม่มีกิน ถ้าคิดจะทำธุรกิจจริงจังแล้ว ต้องทำให้ครอบครัวเหลือเก็บ หลังจากกินแล้วก็ต้องมีเก็บด้วย เพราะเจ้าของธุรกิจมีเวลาทำงานถึงวันละ 24 ชั่วโมงเรียกว่าไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ยิ่งเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ก็ต้องบอกเลยว่า ถ้าใจไม่สู้จริงๆ มีโอกาสเจ๊งสูงมากๆ
แต่ก็ใช่ว่าการทำธุรกิจจะน่ากลัวเสมอไป หลายคนที่ทำได้และทำได้ดีก็มี แต่ต้องมีพื้นฐานก่อน นั้นก็มาจากการทำอาชีพเสริม ให้เวลาในการทำงานประจำมีเพียงแค่นั้นแล้วก็เอาเวลาที่เหลือไปลงมือทำกับงานประจำแบบเต็มตัว มีเวลาให้อาชีพเสริมวันละ 5-6 ชั่วโมงก็ตั้งใจให้เหมือนกับที่เราตั้งใจทำงานให้กับเจ้านายเช่นกัน แล้วค่อยต่อยอดไป เพราะอะไรถึงทำได้ดีแบบนั้น ก็เพราะเราจะเริ่มจากการทำงานที่ไม่หนักจนเกินไป อาชีพเสริมไม่ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินที่มากนัก แต่เป็นการทดลองทำ อย่างบางคนก็ ใช้เวลาหลังเลิกงานไปขายเสื้อผ้ามือสองแล้วก็ค่อยๆ หาตลาดเพื่อลง ยิ่งตอนนี้โลกออนไลน์มีการใช้เฟสบุ๊คทำงานได้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้สนุกกับการงานมากขึ้น สร้างรายได้เป็นเงินเก็บ แล้วก็ค่อยๆ มองช่องทางต่อยอดไปพัฒนามาจนเป็นอาชีพหลัก
หรือบางคนรักในการทำขนม ทำเบเกอรี่อย่างมากก็ใช้เวลาหลังเลิกงาน ทำการพัฒนาขนมเค้กของเราและพัฒนารูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเราเอง ค่อยๆทำทีละน้อยแล้วก็เริ่มทำการส่งตามร้านที่ชอบกับผลงานของเรา จนในที่สุดก็มีโรงงานทำเค้กเป็นของตัวเองได้ เรียกว่าอาชีพเสริมเหล่านี้เป็นอาชีพหลักกันมานักต่อนักแล้ว
ถ้าแบบนี้ก็แปลว่าการทำอาชีพเสริมดูไปก่อน แล้วค่อยพัฒนาเป็นอาชีพหลักนั้นดีกว่าใช่หรือไม่
จริง ๆ แล้วถ้าลองมองย้อนกลับไปอีกนิดการทำอาชีพเสริมคือหลังจากที่เราได้ทำงานประจำแล้ว นั้นคือเรามีงานประจำที่ได้เงินเดือนประจำ มีวันหยุดประจำ และอาจจะรวมถึงมีโบนัสอีกด้วย หลายคนก็พยายามที่จะทำอาชีพเสริมมาตลอด ในระยะเวลาในการทำงานประจำ บางคนก็ลองทำดู 3-4-5 อย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กับอาชีพเสริมที่คิดว่าจะทำเงินให้กับเราได้ เพราะด้วยคำว่าเหนื่อย เพลีย ไม่มีเวลา คำนี้เลยทำให้เราต้องทำงานประจำต่อไป
งานประจำก็จัดว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุดอีกอย่าง ยิ่งเป็นอาชีพเฉพาะทางก็ยิ่งไม่ต้องห่วงเรื่องการทำงานเลยว่าเราจะมีอายุการทำงานมากน้อยขนาดไหน อาชีพที่ต้องใช้ฝีมือ หรือ สมองที่เฉพาะทางไม่มีวันตกงานอย่างแน่นอน อย่าง เช่น หมอ วิศวกร หรือ ช่าง หลายคนอาจจะมองว่าช่างก็ทั่วไปไม่มีอะไรมาก แต่เมื่อไหร่ที่ช่างมีความชำนาญการทางด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ นั้นคือการปิดจุดอ่อนทั้งหมดทุกทาง ถ้าเมื่องานนี้มาก็ต้องเป็นช่างคนนี้เท่านั้น แบบนี้ก็เป็นอาชีพที่มั่นคงอย่างมาก
การทำงานกินเงินเดือนก็จะมีเวลาเป็นของตัวเองสูง เมื่อไหร่ที่เลิกงานแล้วก็คือเวลาว่างของตัวเอง มีเวลาเป็นของตัวเองมากกว่าการธุรกิจของตัวเองเหนื่อยก็แค่เวลาทำงาน พอเลิกงานก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว สำหรับคนที่เงินเดือนสูงอยู่แล้วคงจะไม่มีปัญหามากนัก แต่สำหรับพนักงานทั่วไปที่ไม่เด่นทางด้านใด อาจจะต้องคนหาตัวเองให้เจอ เมื่อเราทำงานมานานและก็ยังไม่เด่นหรือเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญในที่ทำงาน นั้นก็เป็นการสั่นไหวสำหรับการทำงานได้เช่นกัน
อาชีพที่มั่นคงอยู่ที่เราตั้งใจทำ ไม่ว่าอาชีพไหนก็มีความมั่นคงได้ทุกอาชีพ บางอาชีพก็ทำมาตั้งแต่เด็กจนแก่ก็มีความสุขกับมัน เพียงแค่บริหารการเงินการใช้จ่ายให้พอดี รับรองว่าจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ที่ทุกวันนี้เจอกันยิ่งทำงานเงินเดือนมากก็ยิ่งใช้จ่ายเกินตัวมาก เมื่อเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เด็ดขาด

fami

Related Posts

Read also x